ยุคสมัยของ เซอร์ อเล็กซ์ : 2006-2013

เซอร์ อเล็กซ์ พาทีมพลิกกลับมาชนะที่สนามของเอฟเวอร์ตัน
การพาทีมคว้าแชมป์เหนือเชลซีได้ในฤดูกาล 2006/07 ของ เซอร์ อเล็กซ์ ถือเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายพอสมควร และเขาก็จัดอันดับการคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก สมัยที่ 9 ของเขาเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับตัวเขาเอง
การพลิกกลับมาชนะที่สนามของเอฟเวอร์ตันคือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงสปิริตของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของเขา การปิดฉากคว้าแชมป์ที่รอคอยมา 3 ปีเกิดขึ้นในเกมดาร์บี้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ทีมได้รับการยืนเข้าแถวปรบมือที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในเดือนพฤษภาคม แต่ในรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก แม้ว่าทีมปีศาจแดงจะเอาชนะเอซี มิลาน มาได้ 3-2 ในเลกแรก แต่มาในนัดที่ 2 ทีมก็ต้องพ่ายแพ้ไปแบบราบคาบ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลาดท่าแพ้เชลซีในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ
“ผมไม่ลังเลเลยที่จะมองว่าการคว้าแชมป์ในครั้งนี้เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม เพราะว่าสำหรับผมแล้วมันเป็นแชมป์ที่มีความคาดหวังน้อยมาก” เซอร์ อเล็กซ์ กล่าว “เรามือเปล่าในลีกมา 3 ปีติดต่อกัน และแฟนๆ ก็ดูเหมือนว่ามันจะถึงจุดสิ้นสุดสำหรับเราแล้ว แต่อันที่จริงคือเรากำลังสร้างทีมใหม่กันอยู่ และผมก็ปลื้มมากที่เราสามารถก้าวขึ้นมาได้รวดเร็วขนาดนี้” เชลซีเป็นฝ่ายล้างแค้นได้ในนัดชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ที่กลับมาเตะกันที่เวมบลีย์ โดย ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เป็นคนซัดประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากนั้นทีมก็เริ่มหันมามองถึงความสำเร็จในแชมเปี้ยนส์ ลีก “ไม่ต้องกังวล ความสำเร็จในเวทียุโรปจะมาถึงเร็วๆ นี้” เขาทำนาย
12 เดือนต่อมาก็เป็นค่ำคืนที่กรุงมอสโกว์ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2008 เป็นอีกฤดูกาลที่น่าเหลือเชื่อ ทุกอย่างมาถึงบทสรุปเอาตอนที่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ พุ่งเซฟลูกจุดโทษของ นิโกล่าส์ อเนลก้า ส่วนในลีกนั้นทีมปีศาจแดงก็คว้าแชมป์มาครองได้อีกครั้ง ไรอัน กิ๊กส์ เป็นคนซัดประตูตอกย้ำชัยชนะที่สนามของวีแกนในวันสุดท้ายของฤดูกาล และเขาก็ทาบสถิติลงเล่นมากที่สุดให้กับทีมตลอดกาลของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ด้วย ในระหว่างเส้นทางครองบัลลังก์ในเวทียุโรป ทีมปีศาจแดงต้องผ่านบาร์เซโลน่าในรอบรองชนะเลิศ โดยได้ประตูชัยจาก พอล สโคลส์ ทำให้ทีมได้ไปพบกับเชลซีที่รัสเซียซึ่งเป็นบ้านเกิดของ โรมัน อบราฮิโมวิช

รำลึกครบรอบ 50 ปีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่มิวนิค ในเกมดาร์บี้ แมตช์ พบแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แน่นอนว่าในฤดูกาลนั้น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้ประกาศศักดาเป็นสุดยอดนักเตะของโลกด้วยการยิงประตูไปทั้งหมด 42 ลูก รวมถึงประตูขึ้นนำในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย ทีมปีศาจแดงได้เตะนัดรำลึกครบรอบ 50 ปีเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่มิวนิคพบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และทีมก็พ่ายแพ้ไปแบบน่าประหลาดใจ และชัยชนะ 2 ครั้งเหนืออาร์เซนอลที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด (4-0 ในเอฟเอ คัพ และ 2-1 ในลีก) ก็ถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของฤดูกาลด้วย “นักเตะของเราล้วนแต่มีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า และแม้ว่าผมอาจจะเลิกคุมทีมไปก่อนที่บางคนจะก้าวขึ้นสู่ช่วงพีค ผมก็ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งของมัน” ยอดกุนซือกล่าวด้วยความกระตือรือร้น “มันน่าตื่นเต้นที่จะได้สร้างทีมชุดนี้ทิ้งเอาไว้!”

จอห์น เทอร์รี่ พลาดจุดโทษในการดวลกับเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบซ้ำรอยความสำเร็จในประเทศ และเวทียุโรปอีกครั้งในปีต่อมา แต่ก็ต้องพลาดไปในรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่แพ้ต่อบาร์เซโลน่าภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไปที่กรุงโรม โดยพวกเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร ส่วนในประเทศนั้นทีมปีศาจแดงคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน สิ่งที่น่าจดจำในปีดังกล่าวไม่ได้มีแค่เพียงแชมป์ลีกที่คว้ามาได้ด้วยคะแนนห่าง 4 แต้มเท่านั้น แต่ยังมีชัยชนะเหนืออาร์เซนอลในรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วย โรนัลโด้ยังเล่นต่อกับทีมหลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ โน้มน้าวให้เขาเลื่อนความคิดที่จะย้ายไปเล่นกับเรอัล มาดริด ออกไปก่อน การคว้าแชมป์ลีกนั้นมาปิดฉากเอาในเกมเสมอแบบไร้สกอร์กับอาร์เซนอล หลังจากที่บุกไปคว้าชัยมาได้ที่เจเจบี (ตอนนี้เป็นดีดับเบิ้ลยู) สเตเดี้ยม

เซอร์ อเล็กซ์ พาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในปี 2008

เบน ฟอสเตอร์ ช่วยเซฟจุดโทษพาทีมคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ
สำหรับในคาร์ลิ่ง คัพ ทีมปีศาจแดงก็คว้าถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เบน ฟอสเตอร์ เป็นฮีโร่ในช่วงดวลจุดโทษ หลังจากเสมอกับสเปอร์สมาแบบไร้สกอร์ ส่วนในฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ก็ได้กลายมาเป็นอีกรายการที่ทีมคว้าถ้วยแชมป์มาสู่ถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด โดย เวย์น รูนี่ย์ เป็นคนยิงประตูชัยในเกมที่เจอกับแอลดียู กีโต้ แม้ว่าก่อนนั้นเซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก จะปฏิเสธการคว้าแชมป์ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ ของทีมปีศาจแดงที่เหลือผู้เล่น 10 คนในการเตะที่โมนาโกไปก่อนก็ตาม
การกวาดแชมป์ลีกของทีมมาจบลงในฤดูกาล 2009/10 โดยพลาดท่าให้กับเชลซีของ คาร์โล อันเชลล็อตติ ไปเพียงแค่แต้มเดียว ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เป็นคนซัดประตูชัยในเกมสำคัญที่ถนนสายเอ็ม 16 ในเดือนเมษายน แม้ว่าลูกนั้นจะล้ำหน้าค่อนข้างชัดเจนก็ตาม ส่วนในเกมแรกที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้น จอห์น เทอร์รี่ ก็เป็นคนยิงประตูชัยไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ยอมแพ้ง่ายๆ สโคลส์มายิงประตูต่อความหวังให้กับทีมในเกมที่เจอกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ก่อนหน้านั้นทีมปีศาจแดงก็ดันพลาดไปเสมอกับแบล็คเบิร์น ทำให้เชลซีเบียดความแชมป์ไปครอง โดยวันสุดท้ายของฤดูกาลพวกเขาถล่มวีแกนไปแบบยับเยินถึง 8-0

เซอร์ อเล็กซ์ ขอบคุณแฟนๆ
มันยังมีความเจ็บช้ำอีกในเอฟเอ คัพ เมื่อต้องพ่ายแพ้ต่อลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เตะในระดับลีก วัน แถมยังมาเจอทีเด็ดของ อาร์เยน ร็อบเบน ของบาเยิร์น มิวนิค เล่นงานเข้าให้อีกในแชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากที่ ราฟาเอล ดา ซิลวา โดนใบแดงไล่ออก แต่มันก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ ก้าวขึ้นมาโดดเด่นอย่างเต็มตัว หลังจากที่โรนัลโด้ย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ในช่วงซัมเมอร์ด้วยค่าตัวอันเป็นสถิติ 80 ล้านปอนด์ และเขาก็เป็นคนโขกประตูชัยที่เวมบลีย์ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องจบฤดูกาลแบบมือเปล่า หลังจากความผิดหวังที่ต้องตกรอบด้วยน้ำมือบาเยิร์น มิวนิค ผู้จัดการทีมก็ยังออกมาบอกว่า “ตอนนี้เราต้องโยนความผิดหวังทิ้งไป ผมยังเชื่อว่าเรามีฤดูกาลที่ดีพอสมควร”
แม้ว่าจะต้องรอคอยการทาบสถิติคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัยของลิเวอร์พูลต่อไปอีกปี แต่มันก็มาเกิดขึ้นจนได้ในฤดูกาลต่อมา เมื่อทีมเบียดคว้าแชมป์เหนือเชลซีไปได้ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ระเบิดฟอร์มเก่งยิงเป็นว่าเล่นจนคว้ารางวัลรองเท้าทองคำไปครอง เป็นอีกครั้งที่ทีมปีศาจแดงได้โชว์ความนิ่งในช่วงไล่บี้คว้าแชมป์

เวย์น รูนี่ย์ ยิงจุดโทษพาทีมเป็นแชมป์ลีกสมัยที่ 19

เซอร์ อเล็กซ์ ฉลองแชมป์ลีกสมัยที่ 19 ที่อีวู้ด พาร์ค
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เอาชนะเชลซีไป 2-1 หลังจากที่คว้าชัยเหนือทีมสิงโตน้ำเงินครามมาได้ทั้ง 2 นัดที่พบกับในแชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเด็กใหม่อย่าง ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ เป็นคนซัดประตูขึ้นนำได้ตั้งแต่นาทีแรก และผลเสมอ 1-1 ที่อีวู้ด พาร์ค ก็ทำให้ทีมปิดฉากคว้าแชมป์ ต้องขอบคุณลูกจุดโทษจากรูนี่ย์ ถือเป็น 1 คะแนนอันล้ำค่าที่แตกต่างอย่างมากจากการพบกับทีมกุหลาบไฟเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ทีมปีศาจแดงทาบสถิติของลิเวอร์พูลได้สำเร็จ ขณะที่ในเวทียุโรปนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายด้วยการทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง ถือว่าเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 4 ปีหลังสุดเลยทีเดียว

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ให้กับบาร์เซโลน่าในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่เวมบลีย์
บาร์เซโลน่าพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่าพวกเขาคือสุดยอดทีมในนัดชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ แต่อนาคตของทีมก็ดูสดใสเมื่อทีมเยาวชนคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ ได้สำเร็จ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นฝ่ายคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ไปครอง หลังจากเอาชนะทีมปีศาจแดงมาได้ในรอบรองชนะเลิศ แถมยังจบอันดับที่ 3 ตามหลังเชลซีเพียงแค่ผลต่างประตูได้เสีย ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าพวกเขากำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งแย่งแชมป์แล้ว
ตลอดเวลา 26 ปีที่ เซอร์ อเล็กซ์ ได้คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มา มันมีความท้าทายหลายๆ อย่างให้เขาต้องเผชิญ และเขาก็ฝ่าฟันมาได้โดยตลอด ยอดกุนซือชาวสก็อตได้กล่าวเอาไว้ว่า “ผมไม่ได้ยึดติดกับมันมาก ทั้งหมดที่ผมจะพูดก็คือ ผมจะรอดูความเป็นไปของทีมในอีก 25 ปีหลังจากนี้” และนั่นก็จะเป็นบทต่อไปในชีวิตของหนึ่งในสุดยอดผู้จัดการทีมตลอดกาลคนนี้

ขอบคุณ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน…
SiR KeaNo

2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC

Related Posts