เดเบรเซ่น 0 – 3 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีกได้อย่างง่ายดาย หลังจากเอาชนะเดเบรเซ่น ไปด้วยประตูรวม 6 – 0 โดยในนัดแรกชนะไป 3 – 0 และเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาพวกเขาก็บุกไปเอาชนะได้อีก 3 – 0
โดยกาเบรียล ไฮน์เซ่ โหม่งทำประตูที่ 1 และ 2 ให้กับทีม และคีแรน ริชาร์ดสัน ซึ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทนแกรี่ เนวิลล์ ที่มีอาการบาดเจ็บ ก็ทำประตูที่ 3 ให้กับทีมด้วยการยิงที่สวยงามจากระยะ 20 หลา แต่เขาก็ไม่รับบาดเจ็บและต้องเปลี่ยนตัวออกในช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกม ในขณะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัวครบ 3 คนแล้ว ทำให้ต้องยอมเล่นเพียง 10 ตลอดช่วง 20 นาทีสุดท้าย
ทางด้านซอมบอร์ เคเรเคส และ ทามัส แซนเดอร์ ของเดเบรเซ่น ก็พลาดโอกาสทำประตูไปอย่างน่าเสียดาย
เริ่มเกมได้ไม่นานสถานการณ์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ค่อยดีเท่าไร เมื่ออลัน สมิธ ได้ใบเหลืองเป็นคนแรกในเกม ตามด้วยอาการบาดเจ็บของแกรี่ เนวิลล์
ซึ่งอาการบาดเจ็บของเนวิลล์ นั้นคาดกันว่าเขาจะต้องพักอย่างน้อย 5 สัปดาห์ นั่นก็หมายความว่าเขาจะพลาดการลงสนามให้กับทีมชาติอังกฤษในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกที่จะถึงนี้ด้วย
แต่หลังจากประตูของไฮน์เซ่ ในนาทีที่ 20 ทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็คุมเกมได้โดยตลอด โดยไฮน์เซ่ เองก็พึ่งมายิงประตูได้ที่นี่ในนามทีมชาติอาร์เจนติน่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แต่ก็มีอยู่ 2 จังหวะที่เดเบรเซ่น น่าจะได้ประตู เริ่มจากการได้ลูกเตะมุม ผ่านไปยังปีเตอร์ เมท โหม่งข้ามไปยังแซนเดอร์ แต่เขาก็ยิงข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
อีกโอกาสหนึ่งก็คือ ตอนที่ดอมบี้ ลากบอลผ่านแนวรับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่กลับใช้เวลาเลี้ยงบอลมาเกินไป กว่าจะเปิดไปให้กับเคเรเคส เพื่อทำประตูแต่ก็ยิงออกหลังไป
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มีโอกาสทำประตูเพิ่มเช่นกัน เมื่ออลัน สมิธ ได้โหม่งแต่ก็หลุดออกนอกกรอบ และทั้งเขาและคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต่างก็มีโอกาสยิงคนละครั้งแต่ก็ถูกป้องกันไว้ได้
ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ริโอ ถูกกดดันจากฝั่งตรงข้ามและพลาดเล็กน้อยจน ไฮน์เซ่ ต้องเข้ามาช่วย แต่ก็ต้องเสียลูกฟรีคิก แต่โชคดีที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ช่วยป้องกันลูกฟรีคิกไว้ได้ ทำให้จบครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นำอยู่ 1 – 0
เริ่มครึ่งหลังเดเบรเซ่น ก็มีโอกาสทำประตูจากลูกยิงของดอมบี้ แต่ก็ป้องกันไว้ได้โดย ฟาน เดอร์ ซาร์
แต่ในนาทีที่ 61 ไฮน์เซ่ ก็ทำประตูเพิ่มให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็น 2 – 0 จากการโหม่งลูกฟรีคิกของไรอัน กิ๊กส์ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม
และหลังจากนั้นอีกเพียง 4 นาที ริชาร์ดสัน ก็ตอกย้ำชัยชนะให้กับทีมเมื่อเขารับลูกมาจาก โรนัลโด้ และยิงจากระยะ 20 หลาผ่าน โนเบิร์ต เซิร์นแยนสกี้ เข้าประตูไปอย่างสวยงาม ให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 3 – 0
เดเบรเซ่น มีโอกาสอีกครั้ง แต่ลูกยิงของ โบยาน บราโนวิค ก็หลุดออกนอกกรอบไป
ในนาทีที่ 70 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน เมื่อคีแรน ริชาร์ดสัน มีอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าซ้าย และในขณะนั้นทีมปีศาจแดงก็เล่นตัวไปครบ 3 คนแล้ว ทำให้ทีมต้องยอมเล่นเพียง 10 คนตลอดช่วง 20 นาทีสุดท้าย เฟอร์กี้ จึงให้รุด ฟาน นิสเตลรอย ยืนเป็นศูนย์หน้าเพียงคนเดียว แต่ทีมก็ยังสามารถรักษาเกมไว้ได้ ทำให้จบเกมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกไปชนะเดเบรเซ่น 3 – 0 และก็เป็นอีกหนึ่งนัดที่ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังคงไม่เสียประตู (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
เดเบรเซ่น
โนเบิร์ต เซิร์นแยนสกี้ 24
ลาสซ์โล่ อีเกอร์ 6
ปีเตอร์ เมท 2 ( น. 38)
ดราแกน วุคเมียร์ 5
ซอลตัน บอร์ 81
ติบอร์ ดอมบี้ 7
ปีเตอร์ ฮัลโมซี่ 28
ซอลตัน คิสส์ 30
ทามัส แซนเดอร์ 9
อิกอร์ บ็อกดาโนวิช 10
ซอมเบอร์ เคเรเคส 18
สำรอง
ซานโดร โตมิค 1
อดัม คอมโลซี่ 16
ซาบา ซัตมารี่ 3 น. 56 ติบอร์ ดอมบี้ 7
ซาบา เบอร์นาธ 22
ซาบา มาดาร์ 8 น. 77 ซอลตัน บอร์ 81
โบยาน บราโนวิค 11 น. 46 อิกอร์ บ็อกดาโนวิช 10
อิบราฮิมา ซิดิเบ้ 26
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4 ( น. 20, 61)
แกรี่ เนวิลล์ 2
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
พอล สโคลส์ 18
อลัน สมิธ 14 ( น. 13)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26 น. 46 พอล สโคลส์ 18
เชราร์ด ปิเก้ 28
เลียม มิลเลอร์ 17 น. 61 ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
คีแรน ริชาร์ดสัน 23 ( น. 65) น. 16 แกรี่ เนวิลล์ 2
ปาร์ค จีซุง 13
เวย์น รูนี่ย์ 8
ฟาน เดอร์ ซาร์
เนวิลล์ – เฟอร์ดินานด์ – บราวน์ – ไฮน์เซ่
เฟล็ตเชอร์ – สมิธ – สโคลส์
โรนัลโด้ – ฟาน นิสเตลรอย – กิ๊กส์
สถิติของเกม
เดเบรเซ่น ลูกยิงตรงกรอบ 3, ลูกยิงหลุดกรอบ 5, ลูกยิงโดนบล็อค 4, เตะมุม 7, ฟาวล์ 16, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 47.8 %
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยิงประตู 3, ลูกยิงตรงกรอบ 7, ลูกยิงหลุดกรอบ 2, ลูกยิงโดนบล็อค 6, เตะมุม 5, ฟาวล์ 7, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 1, การครองบอล 52.2 %
Por

Related Posts